Generation ที่ 1 (รุ่นปี ค.ศ. 1964-1973)
ในโฉมนี้ ช่วงแรกๆ หลังจากเริ่มเป็นที่นิยม จะใช้เครื่องยนต์ straight-6 ขนาด 2.8 ลิตร เกียร์ธรรมดา 3 สปีด เป็นมาตรฐาน
ขายในราคา 2,368 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่าเงินประมาณ 16,000 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน) แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีความแรงมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขนาดเครื่องยนต์ และราคาแพงขึ้น
ในปีแรกหลังเปิดตัว รถมัสแตงมียอดขายถึง 478,812 คัน และในปีเดียวกับการเปิดตัวครั้งแรก มัสแตงถูกนำไปใช้แสดงในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ เรื่อง จอมมฤตยู 007 ด้วย
เครื่องยนต์รุ่นท็อปของฟอร์ด มัสแตง โฉมที่ 1 นี้ เห็นจะได้แก่ เครื่องยนต์ Super Cobra Jet V8 7.0 ลิตร 375 แรงม้า ซึ่งถือเป็นแรงม้าที่สูงมากเมื่อเทียบกับรถอื่นๆ ในยุคเดียวกัน ซึ่งเครื่องยนต์รุ่นท็อปนี้ ถูกผลิตใช้เป็นครั้งแรกในรุ่นปี ค.ศ. 1971
รถมัสแตงในโฉมนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถ 2 ที่นั่ง ตัวถัง 3 แบบ convertible , hardtop , fastback 2 ประตู คละกันไป แต่ในช่วงปลายๆ ของโฉม รถประเภท pony car ขายไม่ดี เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มไม่สนใจรถยนต์ประเภทนี้ เพราะราคาแพงเกินไป จึงเริ่มหันไปซื้อรถที่ราคาถูกและประหยัดกว่า ยอดขายฟอร์ดมัสแตงจึงลดลง ทางฟอร์ดจึงเร่งผลิตรถโฉมที่ 2 ออกมา
Generation ที่ 2 (รุ่นปี ค.ศ. 1974-1978)
หลังจากรถยนต์โฉมที่ 1 เริ่มขายไม่ออก เพราะขนาดเครื่องยนต์ ความแรง และราคาที่เกินพอดีของคนในยุคนั้น มัสแตง โฉมที่ 2 จึงถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กลง ราคาถูกลง ลูกสูบเล็กลง และเครื่องยนต์ใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่ามากขึ้น เพื่อฟื้นฟูให้รถยนต์ประเภท pony car ไม่เกินกำลังของผู้บริโภคทั่วๆไปที่จะหาซื้อ
มัสแตงโฉมที่ 2 มีขนาดลูกสูบเริ่มต้นที่ 2.8 ลิตร SOHC I4 และสูงสุดที่เครื่องขนาด 4.9 ลิตร V8 ซึ่งมีราคาถูกลงมาก ทำให้เกิดการซื้อรถมัสแตงเพิ่มขึ้น หลังจากโฉมที่ 2 เปิดตัวได้ครบ 1 ปี ขอดขายมัสแตงเฉพาะโฉมที่ 2 รวมขายได้ 385,993 คัน
มัสแตงโฉมนี้ มีรูปแบบบอดี้ภายนอก 2 แบบพื้นฐาน คือ coupe 2 ประตู และ hatchback 3 ประตู
เวลาผ่านไป ประชาชนเริ่มต้องการซื้อรถสปอร์ตขนาดใหญ่ขึ้น บรรจุคนได้มากขึ้น ยอดขายของมัสแตงจึงเริ่มหล่นลงอีก ทางฟอร์ด จึงต้องออกแบบมัสแตง โฉมที่ 3 ออกมา
Generation ที่ 3 (รุ่นปี ค.ศ. 1979-1993)
โฉมที่ 3 มีความใหญ่มากกว่าในโฉมที่ 2 และในโฉมที่ 3 นี้ มีการผลิตรถ 4 ที่นั่งออกมาขายรวมๆ กับมัสแตง 2 ที่นั่งทั่วๆ ไป (ก่อนหน้านี้มัสแตงไม่มีรถ 4 ที่นั่งเลย) โดยรถ 4 ที่นั่งนั้น ที่นั่งแถวหลังจะมีขนาดเล็กกว่าแถวหน้า
มัสแตงโฉมที่ 3 มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนสปีดในเกียร์ โดยรถเกียร์ธรรมดา จะมี 4 หรือ 5 สปีด (ของเดิม 3 กับ 4 สปีด) แล้วแต่รุ่น ส่วนเกียร์อัตโนมัติ จะมี 3 หรือ 4 สปีด (ของเดิม 2 กับ 3 สปีด) แล้วแต่รุ่นรถเช่นกัน และบอดี้รถก็มี 3 รูปแบบ คือ coupe , hatchback , convertible 2 ประตู
เครื่องยนต์แทบทุกระบบ นำรูปแบบมาจากมัสแตงในโฉมที่ 2 โดยมีตั้งแต่ 85-140 แรงม้า ลูกสูบ 2.3-4.9 ลิตร แต่ก็มีการผลิตเครื่องยนต์ชนิดใหม่ขึ้นบ้าง เช่น เครื่องยนต์ประเภท SVO
ในยุคกลางๆของโฉม ยอดขายของมัสแตงลดลงอีกครั้ง เนื่องด้วยช่วงนั้น รถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหน้าเริ่มเป็นที่นิยมแทนรถขับเคลื่อนล้อหลังแบบเก่า รถสปอร์ตยอดนิยมของประชาชนดูจะเปลี่ยนจากมัสแตงเป็นรถสปอร์ตมาสด้า ทางฟอร์ดคิดจะเปลี่ยนมัสแตงเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า แต่เมื่อแฟนพันธุ์แท้ของรถมัสแตงทราบ ก็ได้เขียนจดหมายมาต่อว่า เพราะการขับเคลื่อนล้อหลังถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของมัสแตง ทางฟอร์ดจึงต้องหาทางออกอื่น
Generation ที่ 4 (รุ่นปี ค.ศ. 1994-2004)
โฉมนี้ เป็นโฉมที่มีความแตกต่างจากโฉมที่แล้วเป็นอย่างมาก (การเปลี่ยนโฉมครั้งก่อนๆ ตัวรถจะไม่เปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้) โดยรถดีไซน์ใหม่นี้ ยังเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังตามสไตล์ของมัสแตงดั้งเดิม แต่ระบบขับเคลื่อนล้อ ได้เปลี่ยนไปใช้ระบบที่ทันสมัย ตอบสนองได้ดีไม่แพ้รถขับเคลื่อนล้อหน้า และยกเลิกการผลิตบอดี้แบบ hatchback
เครื่องยนต์ตัวท็อปของโฉมที่ 4 เห็นจะได้แก่ เครื่องรุ่น Cobra หรือเครื่อง DOHC 4.6 ลิตร supercharged 390 แรงม้า และทอร์ก 529 นิวตันเมตร แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของรถ Cobra หลายคนกล่าวว่า รถรุ่น Cobra เวลาใช้จริงจะมีแรงมากกว่า 390 แรงม้า ซึ่งอาจแรงถึง 425 แรงม้าก็เป็นไปได้ และรถรุ่น Cobra สามารถวิ่งได้เร็วกว่า 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มัสแตงโฉมที่ 4 เกียร์ธรรมดา จะมี 5 หรือ 6 สปีด (ของเดิม 4 หรือ 5 สปีด) และเกียร์อัตโนมัติจะมี 4 สปีด
เครื่อง Cobra อันที่จริงนี้มีหลายรุ่นหลายแบบ แต่ตัวท็อปสุดนั้น ออกมาในรุ่นปี ค.ศ. 2003 ไม่นานหลังจากนั้น มัสแตง ก็เข้าสู่โฉมที่ 5
Generation ที่ 5 (รุ่นปี ค.ศ. 2005-2014)
โฉมนี้ เป็นโฉมปัจจุบันของมัสแตง ในช่วงออกแบบ กระแสความนิยมย้อนยุค (Retro) มาแรง การออกแบบมัสแตงโฉมที่ 5 จึงออกแบบตัวรถให้มีความคลาสสิก โดยออกแบบใหม่ทั้งคัน แทบไม่เหลือเค้าโครงของมัสแตงโฉมที่ 4 เลย โดยการออกแบบมัสแตงโฉมนี้ ได้ผสมสไตล์ของมัสแตงโฉมแรกเข้าไปพอสมควร
จนมีผู้ตั้งฉายาให้มัสแตงโฉมที่ 5 ว่า "retro-futurism" หรือ ลัทธิย้อนยุค
เครื่องยนต์ตัวท็อปของโฉมนี้ ได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยม ด้วยการทดสอบความเร่ง พบว่าเครื่องรุ่นท็อปของมัสแตงโฉมนี้ สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ไปถึง 96.56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (60 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 4.9 วินาที
เครื่องยนต์ตัวนั้นคือ Modular V8 4.6 ลิตร ดัดแปลงมาจากเครื่อง Cobra รุ่นท็อปของโฉมที่ 4 นอกจากนี้ มัสแตงโฉมที่ 5 ได้เพิ่มความจุของถังน้ำมันขึ้นเป็น 60.6 ลิตร (จากเดิม 58.3 ลิตร)
ในปี ค.ศ. 2010 ได้มีการปรับโฉมเกิดขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงภายนอกได้มีการเปลี่ยนกระจังหน้าแบบใหม่ ลดขนาดของไฟหน้าและไฟตัดหมอกให้มีขนาดเล็กลง ฝากระโปรงแบบใหม่ ไฟท้าย LED แบบสามเลนส์ แต่ภายนอกโดยรวมยังคล้ายแบบรุ่นปี 2005-2009 อยู่ ภายในได้เพิ่มความพรีเมี่ยมมากขึ้น
Generation ที่ 6 (รุ่นปี ค.ศ. 2015 - ปัจจุบัน)
ฟอร์ด มัสแตง รุ่นที่ 6 นี้ เป็นรุ่นแรกที่ผลิตเวอร์ชันพวงมาลัยขวาและวางจำหน่ายลงตลาดทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "วัน ฟอร์ด (One Ford)" ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่แยกโมเดลรถฟอร์ดทั้งหมดขายในต่างประเทศฟอร์ด มัสแตง รุ่นที่ 6 ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 2013 โดยใช้ชื่อโฉมเป็นโฉมปี 2015 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีของฟอร์ด มัสแตง ที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1964 ซึ่งใช้ชื่อโฉมเป็นปี 1965
ฟอร์ด มัสแตง รุ่นที่ 6 มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.7 ลิตร 300 แรง ม้า แรงบิด 365 นิวตันเมตร, เครื่องยนต์ EcoBoost ความจุ 2.3 ลิตร 310 แรงม้า แรงบิด 406 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร 435 แรงม้า แรงบิด 528 นิวตันเมตร กับเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะพร้อมเกียร์แบบ Paddle shift
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2015 ฟอร์ด มัสแตง ได้รับรางวัล 5 ดาวจาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) จากการป้องกันการชนด้านหน้า ด้านข้าง และการกลิ้งของตัวรถ
ในปี 2017 Euro NCAP ได้มีผลทดสอบ 2 ดาวจากฟอร์ด มัสแตง ซึ่งถุงลมนิรภัยนั้น ได้พองตัวอย่างไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังตัดออปชั่นความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปออกไป
รุ่นยอดฮิต
Ford Shelby Mustang GT500
ในปี 2012 ฟอร์ดได้นำชื่อ Boss 302 กลับมาอีกครั้ง
รุ่นในตำนาน
รุ่นยอดฮิต
Ford Shelby Mustang GT350
เพียง 1 ปีหลังจากการเปิดตัว Mustang รุ่นแรก ฟอร์ดและ Shelby ก็ได้สร้างรถเพื่อการแข่งรถโดยเฉพาะออกมา โดยใช้เครื่องยนต์ 289-cubic-inch V8 ของ Mustang ในปี 1965 นั้น Shelby มีแค่สีขาวเท่านั้น และเบาะนั่งข้างหลังก็ถูกถอดออกไป
GT350R บางรุ่นได้ผลิตออกมาเพื่อระรานสนามแข่งรถอย่าง Trans Am โดยเฉพาะ มีการใช้ GT350
จนถึง 1970 แต่ก็ไม่มีรุ่นไหนจะสามารถขึ้นมาเทียบต้นตำหรับอย่างรุ่นปี 1965 ได้
Ford Shelby Mustang GT500
ในปี 1967 Shelby ได้ตัดสินใจเพิ่ม Mustang อีกรุ่นหนึ่งเข้าไปในไลน์ของตัวเอง ซึ่งก็คือรุ่น GT500 โดย Shelby Mustang รุ่นนี้ ใช้เครื่องยนต์ 428-cubic-inch V8 และมีการอัพเกรดภายนอกมากมาย รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบกลไกอีกนิดหน่อยด้วย และถ้าต้องการรถที่แรงกว่านี้อีก ก็ยังมี King of the Road หรือ Shelby Mustang GT500KR ที่มาพร้อมกับ 428 Cobra Jet V8 รออยู่แล้ว
Ford Mustang Boss 302
ในปี 1969 มี Mustang รุ่นพิเศษ 2 รุ่นที่ผลิตออกมาและได้ใช้ชื่อเล่นว่า Boss ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กกว่า ทำให้ Boss 302 แทบจะกลายเป็นรถแข่งบนถนนจริง ตัวถังภายนอกถอดเอาเครื่องตกแต่งที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด และเพิ่มกันชนด้านหน้าและท้ายรถเข้าไป ระบบกันสะเทือนและระบบเบรกได้เหนือกว่า Mustang รุ่นที่ต่ำกว่า ส่วนความจุเครื่องยนต์ของ Boss 302 นั้นระบุเอาไว้ว่าทำได้ 290 แรงม้า แต่ความจริงแล้วน่าจะทำได้มากกว่านั้น
ในปี 2012 ฟอร์ดได้นำชื่อ Boss 302 กลับมาอีกครั้ง
และครั้งนี้ให้เพิ่มความเป็น Mustang เข้าไปด้วยเครื่องยนต์ 5.0-liter V8 และถ้าสมรรถนะความแรงของ Boss 302
ยังไม่สะใจพอ ก็ยังมีรุ่น Laguna Seca ที่อัดความแรงเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ยังไม่สะใจพอ ก็ยังมีรุ่น Laguna Seca ที่อัดความแรงเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
รุ่นในตำนาน
1. 1965 Mustang (1964 ½ Ford Mustang)
1964 ½ Ford Mustang ถือเป็นรุ่นเเรกที่เป็นการกำหนดเเนวทางการพัฒนารถม้าป่าในรุ่นต่อๆไป ซึ่งออกมาครั้งเเรกก็ครองใจชาวอเมริกันทั้งประเทศเลยก็ว่าได้ เเละกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งเเรงในวงการยานยนต์ทันที
ในโฉมนี้ ช่วงแรกๆ หลังจากเริ่มเป็นที่นิยม จะใช้เครื่องยนต์ straight-6 ขนาด 2.8 ลิตร เกียร์ธรรมดา 3 สปีด เป็นมาตรฐาน ขายในราคา 2,368 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่าเงินประมาณ 16,000 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน) แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีความแรงมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขนาดเครื่องยนต์ และราคาแพงขึ้น
ในปีแรกหลังเปิดตัว รถมัสแตงมียอดขายถึง 478,812 คัน และในปีเดียวกับการเปิดตัวครั้งแรก มัสแตงถูกนำไปใช้แสดงในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ตอน จอมมฤตยู 007 ด้วย
เครื่องยนต์รุ่นท็อปของฟอร์ด มัสแตง โฉมที่ 1 นี้ เห็นจะได้แก่ เครื่องยนต์ Super Cobra Jet V8 7.0 ลิตร 375 แรงม้า ซึ่งถือเป็นแรงม้าที่สูงมากเมื่อเทียบกับรถอื่นๆ ในยุคเดียวกัน ซึ่งเครื่องยนต์รุ่นท็อปนี้ ถูกผลิตใช้เป็นครั้งแรกในรุ่นปี ค.ศ. 1971
2. 1965 Ford Shelby GT 350 Mustang
สำหรับรถ Ford Shelby Mustang GT 350 รุ่นนี้ ถือได้ว่าเป็นรถของมาสเเตงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีทั้งความสวยงามโดดเด่น เเละสมรรถนะดีเยี่ยม มันถูกให้เป็นโมเดลมาสเเตงระดับตำนานที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นมาสเเตงไปเรียบร้อยเเล้วครับ
สำหรับรุ่นนี้ ในรูปโฉมนี้มีตัวถังที่เล็กกว่าเเละเบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ เเละรูปโฉมนี้ต่อไปจะถูกเรียกว่า คอบบร้า (Cobras) ซึ่งเป็นรถสปอร์ตสองที่นั้ง โดยใช้รูปงูเห่าเป็นสัญลักษณ์ เครื่องยนต์ที่เป็นขุมกำลังสำหรับรถรุ่นนี้เป็นเเบบ K-Code 271 เเรงม้า 289 cu in (4.7 L), เเละสามารถปรับปรุงจนมีกำลัง 306 เเรงม้าได้ .
3. 1967 Ford Mustang Fastback
รถมาสเเตงรุนนี้ เป็นรถสปอร์ตคลาสสิก สไตล์ Fastback ที่ได้รับการปรับปรุงต่อยอดจากสองรุ่นก่อนหน้าให้มีความหรูหรา ครบครัน ทั้งภายในเเละภายนอก ทำให้มันกลายเป็นรถที่สมบูรณ์เเบบเเล้วสวยงาม ดูเเข็งเเกร่งเเละสง่างามมากอีกรุ่นหนึ่งในช่วงเวลานั้น
4. 1969 Ford Mustang Boss 429
สำหรับ Boss 429 Mustang นั้นถือเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง เเต่มีช่วงระยะเวลาการผลิตที่สั้นมาก คือเพียงเเค่ 2 ปี จากปี 1969 จนถึงปี 1970 ทำให้มันเป็นรถมาสเเตงรุ่นที่หายากมากรุ่นหนึ่ง
6. 1988 Roush Mustang Stage 3
ถือเป็นรุ่นหนึ่งที่สร้างความผิดหวังให้กับเเฟนๆของค่าย ม้าป่า นี้มาก เพราะมันเป็นรุ่นที่ดูเฉยๆ นิ่มๆ ขาดความเเข็งเเกร่งเสียจริงๆ เมื่อไม่ใช่ ม้าป่า ที่มาของความน่าผิดหวังนี้เกิดขึ้นจากในปี 1988 Rush ได้นำเสนอเครื่องยนต์ 400 hp twin turbocharged เเละเขาหวังว่าจะสร้างความร่วมมือกับฟอร์ด เเล้วนำรถมาสเเตงที่เขาออกเเบบรุ่นนี้ เข้ามาไว้ในโชว์รูมของเขาทั่วประเทศ เเต่โชคร้าย ฟอร์ดไม่เอาด้วย เพราะรถจะมีราคาเเพงเกินไปเมื่อทำการผลิตเเบบ mass product
ถือเป็นรุ่นหนึ่งที่สร้างความผิดหวังให้กับเเฟนๆของค่าย ม้าป่า นี้มาก เพราะมันเป็นรุ่นที่ดูเฉยๆ นิ่มๆ ขาดความเเข็งเเกร่งเสียจริงๆ เมื่อไม่ใช่ ม้าป่า ที่มาของความน่าผิดหวังนี้เกิดขึ้นจากในปี 1988 Rush ได้นำเสนอเครื่องยนต์ 400 hp twin turbocharged เเละเขาหวังว่าจะสร้างความร่วมมือกับฟอร์ด เเล้วนำรถมาสเเตงที่เขาออกเเบบรุ่นนี้ เข้ามาไว้ในโชว์รูมของเขาทั่วประเทศ เเต่โชคร้าย ฟอร์ดไม่เอาด้วย เพราะรถจะมีราคาเเพงเกินไปเมื่อทำการผลิตเเบบ mass product
7. 2005 Ford Mustang
เป็นรุ่นที่กลับคืนสู่ความเเข็งเเกร่ง สไตล์มัสเซิล คาร์อีกครั้ง เเละเพิ่มเติมที่ความหรูหราตัวภายใน ถือเป็นการเริ่มต้นสู่ยุคที่ห้าของรถยนต์ค่ายนี้อย่างลงตัวทีเดียวครับ
สำหรับขุมกำลังของรถรุ่นนี้ ตั้งเเต่ปี 2005 ไปจนถึงปี 2009 เป็นเครื่องยนต์เเบบ Ford's cast iron block 4.0 L Cologne SOHC V6 ที่นำมาทดเเทน 3.8 L Essex OHV V6 ที่ใช้ในปี 2004 เเละโมเดลก่อนหน้านี้ เเละเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ว่านี้มันสามารถให้กำลังได้ 210 เเรงม้า ที่ 5300 rpm สามารถเร่งความเร็วจากศูนย์จนถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงโดยใช้เวลา 7.3 นาที
เป็นรุ่นที่กลับคืนสู่ความเเข็งเเกร่ง สไตล์มัสเซิล คาร์อีกครั้ง เเละเพิ่มเติมที่ความหรูหราตัวภายใน ถือเป็นการเริ่มต้นสู่ยุคที่ห้าของรถยนต์ค่ายนี้อย่างลงตัวทีเดียวครับ
สำหรับขุมกำลังของรถรุ่นนี้ ตั้งเเต่ปี 2005 ไปจนถึงปี 2009 เป็นเครื่องยนต์เเบบ Ford's cast iron block 4.0 L Cologne SOHC V6 ที่นำมาทดเเทน 3.8 L Essex OHV V6 ที่ใช้ในปี 2004 เเละโมเดลก่อนหน้านี้ เเละเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ว่านี้มันสามารถให้กำลังได้ 210 เเรงม้า ที่ 5300 rpm สามารถเร่งความเร็วจากศูนย์จนถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงโดยใช้เวลา 7.3 นาที
8. 2008 Saleen SA-25 Sterling Edition Mustang
สำหรับรถฟอร์ดมาสเเตงรุ่นนี้ สามารถพูดได้ว่าเป็นรุ่นที่หายากที่สุด เพราะผลิตขึ้นเพียง 25 คันเท่านั้น เป็นรถรุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 25 ปี ยานยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของค่ายนี้ ที่เด็ดที่สุดคือมันมีเครื่องยนต์ที่ให้กำลังได้ถึง 620 เเรงม้า
มันเป็นรถมาสเเตงที่ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น โมเดลในรุ่นนี้จะไม่มีสี ดำ ขาว เเละเหลือง เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเเบบ S302-SI เเละใช้ Saleen Sedies VI Supercharger เพื่อเพิ่มกำลังให้กับรถ จนมีมีกำลังถึง 620 เเรงม้า เเละการตกเเต่งภายในก็ทำอย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
สำหรับรถฟอร์ดมาสเเตงรุ่นนี้ สามารถพูดได้ว่าเป็นรุ่นที่หายากที่สุด เพราะผลิตขึ้นเพียง 25 คันเท่านั้น เป็นรถรุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 25 ปี ยานยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของค่ายนี้ ที่เด็ดที่สุดคือมันมีเครื่องยนต์ที่ให้กำลังได้ถึง 620 เเรงม้า
มันเป็นรถมาสเเตงที่ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น โมเดลในรุ่นนี้จะไม่มีสี ดำ ขาว เเละเหลือง เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเเบบ S302-SI เเละใช้ Saleen Sedies VI Supercharger เพื่อเพิ่มกำลังให้กับรถ จนมีมีกำลังถึง 620 เเรงม้า เเละการตกเเต่งภายในก็ทำอย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
9. 2009 lacocca Silver 45th Edition Ford Mustang
สำหรับรถรุ่นนี้คือ 2009 lacocca 45th Anniversary Edition ของฟอร์ดมาสเเตง เป็นรถสไตล์ pony car ที่ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี สำหรับโอกาสพิเศษฉลองครอบรอบ 45 ปี ฟอร์ดมาสเเตง รุ่นนี้ได้รับการออกเเบบอย่างดีโดย Michael Leone เเละสร้างโดยช่างเหล็กที่มีความชำนาญระดับตำนานอย่างครอบครั Gaffoglio มันมีไฟหน้าเเบบ sunken headlight เเละมี fastback ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หลังคาโค้งมนอย่างสวยงาม เเละภายในได้รับการตกเเต่งอย่างประณีตทุกอณูครับ เมื่อพูดถึงเรื่องขุมกำลังของมันเเล้ว มันใช้เครื่องยนต์ 4.6-liter V8 ที่ให้กำลัง 400 เเรงมั้น กับระบบเบรคเเบบ 14-inch front brake
เมื่อพูดถึงเรื่องความทรงคุณค่าเเล้ว คงไม่มีรุ่นไหนทรงคุณค่าเท่ารุ่นนี้ เพราะมันถูกผลิตขึ้นอย่างจำกัดเพียงเเค่ 45 คัน สำหรับบุคคลสำคัญในวงการเท่านั้นครับ
สำหรับรถรุ่นนี้คือ 2009 lacocca 45th Anniversary Edition ของฟอร์ดมาสเเตง เป็นรถสไตล์ pony car ที่ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี สำหรับโอกาสพิเศษฉลองครอบรอบ 45 ปี ฟอร์ดมาสเเตง รุ่นนี้ได้รับการออกเเบบอย่างดีโดย Michael Leone เเละสร้างโดยช่างเหล็กที่มีความชำนาญระดับตำนานอย่างครอบครั Gaffoglio มันมีไฟหน้าเเบบ sunken headlight เเละมี fastback ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หลังคาโค้งมนอย่างสวยงาม เเละภายในได้รับการตกเเต่งอย่างประณีตทุกอณูครับ เมื่อพูดถึงเรื่องขุมกำลังของมันเเล้ว มันใช้เครื่องยนต์ 4.6-liter V8 ที่ให้กำลัง 400 เเรงมั้น กับระบบเบรคเเบบ 14-inch front brake
เมื่อพูดถึงเรื่องความทรงคุณค่าเเล้ว คงไม่มีรุ่นไหนทรงคุณค่าเท่ารุ่นนี้ เพราะมันถูกผลิตขึ้นอย่างจำกัดเพียงเเค่ 45 คัน สำหรับบุคคลสำคัญในวงการเท่านั้นครับ
10. 2014 Ford Mustang Shelby GT500
ภายนอกของ ฟอร์ด มัสแตง เชลบี้ จีที500 2014 มีความเป็นคลาสสิค แสดงมัดกล้ามออกมาอย่างชัดเจน
ตัวถังทำจากอลูมินั่มไฟเบอร์ มีการดีไซน์แบบรถแข่ง ฝากระโปรงมีฮูดระบายความร้อนขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบ HID ทรงเหลี่ยมดุดัน มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจังหน้าและกันชนล่างมาพร้อมกับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ไฟตัดหมอกซ้ายขวาสว่างชัดเจนประดับ โลโก้งูเห่าอันเป็นเอกลักษณ์ที่ฝั่งซ้ายไฟท้ายแนวตั้ง 3 ก้อนเรียง ประดับโลโก้ตรงกลาง ติดตั้งสปอยเลอร์ด้านหลังขนาดย่อม เสริมหล่อด้วยล้ออลูมินั่มขนาด 19 นิ้ว
ภายใน ฟอร์ด มัสแตง เชลบี้ จีที500 2014 ออกแบบได้อย่างสปอร์ตสุดๆ ด้วยเบาะสไตล์รถแข่ง “Bucket
Seat” หุ้มหนังเกรดเอ มีระบบปรับความร้อน เบาะหลังพับเก็บได้ พวงมาลัยทรงกลมสามก้าน สามารถปรับ
ระดับตามความถนัดของผู้ขับขี่ ติดตั้งหน้าปัดมาตรวัด 4 ชุด มีระบบอำนวยความสะดวกครบครัน
ขุมพลังความแรงของ ฟอร์ด มัสแตง เชลบี้ จีที500 2014 วางเครื่องยนต์ V8 8 สูบ Supercharged 4V Ti-
VCT ความจุ 5.8 ลิตร 662 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที มีระบบหัวฉีดแบบ Sequential Multi-port Electronic
Fuel Injection ส่งกำลังความแรงแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
สำหรับเพื่อนที่ชอบรถสไตล์อเมริกันมัสเซิลไม่ควรพลาดสำหรับ งูเห่าพันธุ์ดุอย่าง Ford Mustang Shelby
GT500 2014 ที่จัดเต็มทั้งสมรรถนะและความหล่อเหลาเร้าใจ พร้อมให้เพื่อนๆได้สวมวิญญาณนักแข่ง
สนนราคาค่าตัวจะอยู่ที่ 55,595 ดอลล่าห์สหรัฐ
ภายนอกของ ฟอร์ด มัสแตง เชลบี้ จีที500 2014 มีความเป็นคลาสสิค แสดงมัดกล้ามออกมาอย่างชัดเจน
ตัวถังทำจากอลูมินั่มไฟเบอร์ มีการดีไซน์แบบรถแข่ง ฝากระโปรงมีฮูดระบายความร้อนขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบ HID ทรงเหลี่ยมดุดัน มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจังหน้าและกันชนล่างมาพร้อมกับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ไฟตัดหมอกซ้ายขวาสว่างชัดเจนประดับ โลโก้งูเห่าอันเป็นเอกลักษณ์ที่ฝั่งซ้ายไฟท้ายแนวตั้ง 3 ก้อนเรียง ประดับโลโก้ตรงกลาง ติดตั้งสปอยเลอร์ด้านหลังขนาดย่อม เสริมหล่อด้วยล้ออลูมินั่มขนาด 19 นิ้ว
ตัวถังทำจากอลูมินั่มไฟเบอร์ มีการดีไซน์แบบรถแข่ง ฝากระโปรงมีฮูดระบายความร้อนขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบ HID ทรงเหลี่ยมดุดัน มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจังหน้าและกันชนล่างมาพร้อมกับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ไฟตัดหมอกซ้ายขวาสว่างชัดเจนประดับ โลโก้งูเห่าอันเป็นเอกลักษณ์ที่ฝั่งซ้ายไฟท้ายแนวตั้ง 3 ก้อนเรียง ประดับโลโก้ตรงกลาง ติดตั้งสปอยเลอร์ด้านหลังขนาดย่อม เสริมหล่อด้วยล้ออลูมินั่มขนาด 19 นิ้ว
ภายใน ฟอร์ด มัสแตง เชลบี้ จีที500 2014 ออกแบบได้อย่างสปอร์ตสุดๆ ด้วยเบาะสไตล์รถแข่ง “Bucket
Seat” หุ้มหนังเกรดเอ มีระบบปรับความร้อน เบาะหลังพับเก็บได้ พวงมาลัยทรงกลมสามก้าน สามารถปรับ
ระดับตามความถนัดของผู้ขับขี่ ติดตั้งหน้าปัดมาตรวัด 4 ชุด มีระบบอำนวยความสะดวกครบครัน
Seat” หุ้มหนังเกรดเอ มีระบบปรับความร้อน เบาะหลังพับเก็บได้ พวงมาลัยทรงกลมสามก้าน สามารถปรับ
ระดับตามความถนัดของผู้ขับขี่ ติดตั้งหน้าปัดมาตรวัด 4 ชุด มีระบบอำนวยความสะดวกครบครัน
ขุมพลังความแรงของ ฟอร์ด มัสแตง เชลบี้ จีที500 2014 วางเครื่องยนต์ V8 8 สูบ Supercharged 4V Ti-
VCT ความจุ 5.8 ลิตร 662 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที มีระบบหัวฉีดแบบ Sequential Multi-port Electronic
Fuel Injection ส่งกำลังความแรงแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
VCT ความจุ 5.8 ลิตร 662 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที มีระบบหัวฉีดแบบ Sequential Multi-port Electronic
Fuel Injection ส่งกำลังความแรงแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
สำหรับเพื่อนที่ชอบรถสไตล์อเมริกันมัสเซิลไม่ควรพลาดสำหรับ งูเห่าพันธุ์ดุอย่าง Ford Mustang Shelby
GT500 2014 ที่จัดเต็มทั้งสมรรถนะและความหล่อเหลาเร้าใจ พร้อมให้เพื่อนๆได้สวมวิญญาณนักแข่ง
สนนราคาค่าตัวจะอยู่ที่ 55,595 ดอลล่าห์สหรัฐ
GT500 2014 ที่จัดเต็มทั้งสมรรถนะและความหล่อเหลาเร้าใจ พร้อมให้เพื่อนๆได้สวมวิญญาณนักแข่ง
สนนราคาค่าตัวจะอยู่ที่ 55,595 ดอลล่าห์สหรัฐ